
เมื่อผมเกิดใหม่ในนิยายสาย บวก
บทนำ
หลิงซูตายแล้ว ตายอย่างน่าอเนจอนาถที่สุด ร่างกายถูกรถบดทับซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกระดูกแหลกเหลวผิดรูปผิดร่าง ฆาตกรลงมือได้โหดเหี้ยมมาก
บนพื้นถนนเย็นเฉียบ ร่างไร้วิญญาณของเขาสภาพแทบไม่หลงเหลือเค้าโครงความเป็นมนุษย์ ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาถูกเหยียบจนบี้แบนติดถนนเศษเนื้อและเศษสมองกระจายเกลื่อนกลาด
ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะราวกับคนเสียสติ สีหน้าท่าทางสาแก่ใจพลางชี้นิ้วมาที่เขา “คิดจะทิ้งฉันหรือ หึ! คนที่จะทิ้งฉันได้ มีแต่คนตายเท่านั้น หลิงซู คุณมันสมควรตายแล้ว!”
เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน หลิงซูเพิ่งจะบอกเลิกกับเธอในร้านอาหาร เพราะเธอบอกว่าท้องแล้วบังคับให้เขาแต่งงาน ตอนอยู่ในร้าน ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้พูดอะไร เธอเดินออกจากร้านไปก่อน รอให้หลิงซูเดินออกมาจากร้านเพื่อไปที่ลานจอดรถ เธอก็ขับรถพุ่งเข้ามาชน ร่างของเขาลอยไปกระแทกพื้นแล้วยังไม่หยุด ยังถอยรถมาเหยียบซ้ำ ถอยหลังเดินหน้าอยู่อย่างนั้น ความทรมานจากการถูกยางล้อรถบดร่างกายว่าเกินจะทนแล้ว หลังจากตายยังมีคำสาปแช่งจากผู้หญิงหลายคนตามมาทำร้ายจิตใจเขาอีกระลอกใหญ่
ผู้คนที่เห็นข่าวนี้ แทนที่จะด่าว่าฆาตกร กลับสาปแช่งคนตาย เดิมทีผู้หญิงเหล่านี้เคยเป็นเอฟซีของเขา แต่หลังจากมีข่าวฉาวเมื่อสามเดือนก่อน จากแฟนคลับกลับกลายเป็นแอนตี้แฟนหัวรุนแรง
“คนชั่วนั่นตายแล้ว”
“สมควรแล้ว แผ่นดินจะได้สูงขึ้น”
“สมน้ำหน้า แต่ฉันว่าเขาตายสบายเกินไปหน่อยนะ ว่าไหม” คำด่าทอสาปแช่งจากผู้หญิงครึ่งค่อนประเทศทำให้วิญญาณของหลิงซูที่ยังอยู่ในลานจอดรถยืนคอตก
เขาผิดอะไร ก่อนจะคบกันตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือว่าจะเป็นแค่คู่นอน แต่พอได้กันจริง ผู้หญิงคนนั้นกลับต้องการสถานะภรรยา ไม่ใช่สิ ผู้หญิงทุกคนก็เหมือนกัน ที่เขาทิ้งพวกเธอก็เพราะแบบนี้ จะมาโทษเขาได้ไง
เขาไม่ได้เลวขนาดนั้นเสียหน่อย
คล้ายจะมีคนได้ยินความคิดของเขา ร่างหนึ่งจึงโผล่ออกมาจากความว่างเปล่า คนคนนี้สวมชุดดำทั้งตัว เสื้อคลุมตัวนอกยาวลากพื้น ใบหน้ามองเห็นไม่ชัดนัก
หลิงซูยังไม่รู้ตัวว่ามีคนมายืนด้านข้าง จนกระทั่งอีกฝ่ายเอื้อมมือมาตบไหล่ของเขาเบา ๆ “ไม่ต้องเสียใจ เจ้าไม่ได้เลวอย่างที่พวกเธอพูดกันหรอก”
ท่าทางเซื่องซึมของหลิงซูพลันหายวับไปกับตา ถึงเขาจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่คำพูดนี้กลับเป็นกำลังใจเดียวที่เขามี หลิงซูรีบหันไปมองคนข้างกายด้วยสีหน้ากระตือรือร้น “คุณก็คิดแบบนั้นเหมือนกันใช่ไหม
ชายชุดดำพยักหน้า
หลิงซูเพิ่งจะสังเกตลักษณะท่าทางของเขา “คุณคือยมทูตหรือ”
“ใช่ ข้ามารับวิญญาณของเจ้า” อีกฝ่ายตอบกลับมาน้ำเสียงฟังดูเฉื่อยชาเป็นพิเศษ
ถึงแม้จะเตรียมใจเอาไว้แล้ว ว่าจะต้องเป็นแบบนี้ แต่หลิงซูยังทำใจยากอยู่ดี เขายืนนิ่งไปพักหนึ่ง กว่าจะถามออกไปเสียงเศร้า “ผมไม่ได้เลวอย่างที่พวกเธอพูด คุณคงไม่ส่งผมลงไปในนรกขุมที่สิบแปดใช่ไหม”
ยมทูตไม่ได้ตอบคำถาม
ปีนี้หวังหลิงซูเพิ่งจะอายุยี่สิบสอง เข้าสู่วงการบันเทิงได้สามปี หักอกผู้หญิงมาแล้วสองร้อยคน ในสองร้อยคนนั้น มีถึงสิบคนที่ฆ่าตัวตาย และอีกหลายคนต้องเสียอนาคต หากเขาตายตามอายุขัยยมทูตคงส่งเขาไปลงนรกเพื่อชดใช้กรรมได้ ทว่า เขาดันมาถูกฆ่าตายก่อนเวลาอันควร มิหนำซ้ำยังเป็นการตายที่เกิดจากความผิดพลาด
เพื่อปกปิดไม่ให้ยมโลกรู้ ยมทูตที่มารับตัวเขาจึงจำต้องนำวิญญาณของเขาไปซ่อน
ด้วยความที่วิญญาณของหลิงซูมีคำสาปแช่งของหญิงสาวนับล้านติดตัว เขาจึงถูกส่งตัวไปเกิดใหม่ในนิยายเรื่องหนึ่ง เป็นนิยายแนวชายรักชายที่ผู้ชายท้องได้
หลังจากนั้นหนึ่งเดือน
ใบหน้าของหลิงซูเวลานี้ซังกะตายอย่างที่สุด เขานอนเอามือประสานกันใต้ศีรษะลืมตามองเพดานมาครึ่งค่อนวัน แต่ยังหาทางเอาตัวรอดในโลกใบนี้ไม่เจอเสียที มาถึงตอนนี้เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้ว ว่าที่ตนเองถูกส่งมาที่นี่เป็นเรื่องถูกต้อง
ไอ้โลกบ้า ๆ นี่ มันคือโลกในนิยาย มิหนำซ้ำ ยังเป็นโลกที่มีแต่ผู้ชาย เท่าที่เขารู้ตอนนี้ คือโลกนี้มีการแบ่งชั้นวรรณะประชากรออกเป็นสามกลุ่มใหญ่
กลุ่มแรกเป็นชนชั้นผู้นำ
คือผู้ที่มีพลังระดับ ‘SSS’ เรียกว่า ‘โส่วหลิ่ง’
รองลงมาคือผู้ที่มีพลังอยู่ในระดับ ‘SS’ เรียกว่า ‘ปาชู’
และลำดับสุดท้าย คือ ผู้ที่มีพลังระดับ ‘S’ เรียกว่า ‘เฉียงเจ่อ’
กลุ่มที่สองเป็นชนชั้นบุคคลธรรมดา
ผู้ที่มีพลังระดับ ‘A’ เรียกว่า ‘จงยงเจ่อ’
ผู้มีพลังในระดับ ‘B’ เรียกว่า ‘ผิงฝานเจ่อ’
ผู้มีพลังในระดับ ‘C’ เรียกว่า ‘จวินเหิงเจ่อ’
และประชากรระดับล่างสุด
ผู้มีพลังระดับ ‘D’ เป็นชนชั้นแรงงาน เรียกว่า ‘ซุ่นฉงเจ่อ’
ผู้ที่ไร้พลังโดยสิ้นเชิง แต่ยังใช้แรงงานได้ เรียกว่า ‘โหรวรั่วเจ่อ’
ส่วนประชากรกลุ่มสุดท้าย เรียกว่ากลุ่มไร้ค่า คือไม่มีทั้งพลังและไม่มีเรี่ยวแรงพอจะทำงานใช้แรงงานเรียกว่า ‘โม่เว่ยเจ่อ’
ร่างใหม่ของหลิงซูคือประชากรในกลุ่มสุดท้าย เป็น “โม่เว่ยเจ่อ” ที่ไร้ค่าที่สุด
ก่อนตายหลิงซูคือคุณชายไฮโซเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลหวัง เขาไม่เพียงแต่มีฐานะร่ำรวยยังมีใบหน้าหล่อเหลาและเป็นดาราที่กำลังดัง แต่ตอนนี้เขากลายมาเป็นตัวอะไรไปแล้วก็ไม่รู้
ร่างที่ยมทูตส่งเขามาเกิดใหม่นี้ มีชื่อว่าหลิงซูเหมือนกัน เป็นลูกชายคนที่สามของบ้านตระกูลหวังแซ่เดียวกับเขาเมื่อชาติที่แล้ว ขณะที่ครอบครัวเป็นประชากรชนชั้นกลาง แต่ลูกชายคนเล็กอย่างหลิงซูกับกลายเป็นประชากรชั้นล่างสุด เพราะแบบนี้ ครอบครัวนี้จึงไม่ยอมรับเขา จากสถานะคุณชายต้องกลายมาเป็นคนรับใช้ตั้งแต่อายุสี่ขวบ นับเป็นตัวประกอบไร้ค่าคนหนึ่ง
หวังหลิงซูนั้นตายเมื่อเดือนก่อนโดยที่ไม่มีสักคนในบ้านจะสนใจไยดี ไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าเขาตาย นับว่าตายอย่างไร้ค่าแท้จริง เขาเข้ามาอยู่ในร่างนี้ตอนนั้นแหละ แล้วก็ต้องมาทำงานบ้านสารพัดแทนเจ้าของร่าง
แบบนี้มันถูกแล้วหรือ ท่านยม ท่านส่งผมมาผิดที่หรือเปล่า นี่ท่านคิดจะทรมานผมใช่ไหม แล้วแบบนี้ มันดีกว่านรกขุมที่สิบแปดตรงไหน
ยิ่งคิดหลิงซูยิ่งท้อแท้ นี่ถ้าหากไม่ติดคำเตือนของยมทูต ไม่แน่บางทีเขาอาจจะฆ่าตัวตายไปแล้ว
พูดถึงคำเตือน...
ถ้าเจ้าเกิดตายในโลกใบนี้ก่อนที่จะมีอายุครบสี่ร้อยปี วิญญาณจะสลายไปตลอดกาล เพราะฉะนั้นจงจำเอาไว้ ว่าห้ามตายเป็นอันขาด
“ห้ามตายบ้าบออะไร! สี่ร้อยปี นั่นมันอายุขัยของประชากรระดับโส่วหลิ่งเลยนะ สภาพอย่างผมเนี่ยอยู่ได้เกินยี่สิบปีก็เก่งแล้ว ท่านยมท่านต้องกลั่นแกล้งผมแน่ ๆ”
ปัง!
“โวยวายอะไร! ไอ้เด็กขี้เกียจ ทำไมป่านนี้ยังไม่ลุกออกมาเสียที!”
สีหน้าของหลิงซูพลันเปลี่ยนเป็นเบื่อหน่ายขึ้นมาในฉับพลัน ก่อนจะค่อย ๆ หย่อนขาลงจากเตียง
นี่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่เป็นเหมือนฝันร้ายสำหรับเขา เพราะตั้งแต่มาถึงที่นี่ ยังไม่มีวันไหนเลยที่เขาจะไม่ถูกทุบตี อย่าคิดว่าเขาไม่เคยสู้นะ เขาสู้กลับตั้งแต่วันแรกแล้ว ผลสุดท้ายคือ ถูกซ้อมจนน่วม ถ้าไม่ติดคำเตือนว่าห้ามตาย เรื่องอะไรเขาต้องมานั่งกลัวคนพวกนี้ แต่จะว่าไป นี่ขนาดประชากรระดับกลางนะยังมีพละกำลังขนาดนี้ แล้วพวกคนชั้นสูงพวกนั้นจะมีพลังขนาดไหน
อย่างคนที่ยืนทำหน้าถมึงทึงอยู่หน้าห้องของเขาเวลานี้ คือพี่ชายคนรองของเจ้าของร่าง อยู่ในระดับ ‘ผิงฝานเจ่อ’ แค่ต่อยเขาหมัดเดียวเขาถึงกับกระเด็นทะลุกำแพง โชคดีที่เขายังรอดมาได้ แล้วแบบนี้จะให้เขาไปกล้าหือกับคนพวกนี้ได้อย่างไร เขายังไม่อยากให้วิญญาณสลายไปหรอกนะ คิดได้ดังนั้นแล้ว หลิงซูก็รีบทำสีหน้าประจบประแจงเอ่ยถามเสียงเคารพนบนอบอย่างที่สุด
“คุณชายรองมีอะไรจะใช้ผมหรือครับ” พลังน่ะเขาไม่มีหรอก จะมีก็แต่สกิลการแสดงระดับดาราตัวท็อปนี่แหละ
ฝ่ายนั้นเห็นท่าทางเจียมเนื้อเจียมตัวระคนหวาดกลัวของเขาแล้ว โทสะลดลงตามคาด
“คุณพ่อคุณแม่ไม่อยู่ นายออกมาทำอาหารให้ฉันทานหน่อย”
“ไม่ทราบว่าคุณชายรองอยากทานอะไรหรือครับ”
“อะไรก็ได้ เอาที่เร็ว ๆ เสร็จแล้วยกไปให้ฉันบนห้องด้วย”
“ครับ”
หลิงซูมองผู้ชายร่างสูงโปร่งที่เดินขึ้นบันไดไปจนลับตา ก่อนจะทำปากขมุบขมิบด่าอีกฝ่ายอย่างไร้เสียง
หวังลู่ปิน ฉันขอแช่งให้นายติดคอตาย
ที่เขาทำได้คงมีแค่นี้ ร่างกายนี้สมแล้วที่ถูกจัดอยู่ในประชากรระดับล่างสุด เพราะร่างกายอ่อนแอเหลือเกิน หวังหลิงซูคนนี้อายุสิบเจ็ด สูงราวร้อยแปดสิบสอง รูปร่างผอมบาง ผิวพรรณขาวซีด คนเราไม่ได้กินอิ่มนอนหลับมาตั้งแต่เด็ก อยู่มาจนป่านนี้ได้ นับว่าแข็งแกร่งไม่น้อยแล้ว
ช่างเถอะ คิดไปก็เท่านั้น รีบทำอาหารไปให้เจ้านั่นก่อนดีกว่า เดี๋ยวอีกฝ่ายเกิดมีโทสะขึ้นมาอีกครั้งแล้วจะยุ่ง
วิถีชีวิตของผู้คนในโลกใบนี้ไม่แตกต่างจากชีวิตจริงเท่าไหร่ ไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำอาหารสักจาน หลิงซูเพียงทำข้าวผัดไข่ง่าย ๆ แล้วยกไปให้หวังลู่ปิน
บ้านของครอบครัวหวังอยู่ในย่านชุมชนของประชากรระดับกลาง เป็นบ้านสองชั้นธรรมดาหลังหนึ่ง ห้องที่หลิงซูนอนคือห้องใต้บันได ส่วนเจ้านายทั้งหลายนอนอยู่ชั้นบน
ห้องของลู่ปินอยู่ทางขวามือ ก่อนจะเคาะประตู หลิงซูยืนปรับสีหน้าอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถึงได้ยกมือขึ้นไปเคาะ เขาไม่ใช่คนยอมคนเท่าไหร่หรอกนะ ต้องให้มานั่งเสแสร้งทำเป็นหวาดกลัว บางทีมันก็ไม่ง่าย โชคดีที่เขาแสดงละครเก่ง
“เข้ามา”
ลู่ปินที่ยังเปิดกล้องคุยกับใครบางคนในโทรศัพท์เอ่ยสั่งโดยไม่หันมามอง
“เอาวางไว้ตรงนั้นแหละ”
หลิงซูเดินเอาจานข้าวผัดไปวางบนโต๊ะหัวเตียงให้เขาพร้อมกับน้ำเปล่าพลางเงี่ยหูฟังสิ่งที่คนทั้งสองกำลังพูดคุยกัน
“นายพูดจริงใช่ไหม ที่ว่าท่านนายพลเฉินอยู่ที่เมืองนี้”
“ก็ใช่น่ะสิ พ่อฉันทำงานอยู่ลานบิน เขาเป็นคนนำร่องให้เครื่องบินของท่านนายพลลงจอดเองเลยนะ และยังได้เห็นนายพลเฉินตัวเป็น ๆ ด้วย”
“ทำยังไงฉันจะได้เห็นเขาบ้าง”
หลิงซูฟังแค่นั้นก็คิดจะเดินออกจากห้อง เพราะเห็นว่าไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับชีวิตตนเอง แต่กลับถูกลู่ปินเรียกเอาไว้
“เดี๋ยว นายมานี่ก่อน”
หลิงซูเดินกลับเข้าไปหา
“ส่งข้อมือมา”
ได้ยินแบบนั้น เขารู้ทันทีว่าลู่ปินคงจะใช้เขาไปซื้อของ หลิงซูจึงรีบยื่นข้อมือไปให้อีกฝ่ายสแกนบาร์โค้ด นี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่แตกต่างจากโลกของความจริง เพราะประชากรที่นี่ไม่จำเป็นต้องพกบัตรหลายใบ ตั้งแต่แรกเกิดทุกคนจะถูกสลักบาร์โค้ดเอาไว้ที่ข้อมือ เพื่อแสดงตัวตน ชาติกำเนิด ประวัติ เหมือนเป็นไอดีการ์ด และยังใช้เป็นเดบิตการ์ดที่เอาไว้ใช้จ่ายแทนเงินตรา โดยมีธนาคารกลางควบคุม
ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ที่หลิงซูชอบมากที่สุดคือได้ออกไปข้างนอก เพราะคนสกุลหวังไม่อนุญาตให้เขาออกไป มีเพียงลู่ปินที่ชอบแอบใช้เขาเวลาที่คนในบ้านไม่อยู่
“รีบไปรีบกลับล่ะ” ลู่ปินสแกนเงินให้เขาแล้ว ก็สแกนสิ่งของที่ต้องการลงไปด้วย หลิงซูรับมาสีหน้าเรียบเฉย ทั้งที่ในใจตื่นเต้นแทบบ้า
พอออกจากห้องมาได้แล้ว เขาแทบจะวิ่งออกจากบ้าน ลู่ปินอนุญาตให้เขาใช้จักรยานได้ หลิงซูจึงรีบเข็นมันออกมาจากโรงรถอย่างรวดเร็ว จากนั้นใช้ทางลัดที่เป็นแนวตัดผ่านทะเลสาบเพื่อออกถนนใหญ่ไปร้านสะดวกซื้อ
แต่เขาไม่ได้จะไปร้านสะดวกซื้อหรอกนะ ได้ออกจากบ้านมาทั้งทีไม่ใช่เรื่องง่าย เขาควรใช้ให้คุ้ม เวลานี้เพิ่งจะทุ่มกว่า เขาน่าจะอยู่ได้สักชั่วโมงหนึ่ง เมื่อวางแผนในใจดีแล้ว หลิงซูก็ปั่นจักรยานตรงไปยังสะพานสูง
กลางสะพาน เขาเอาจักรยานพิงไว้ด้านข้าง ก่อนจะไปยืนพิงราวสะพานมองไปยังตึกสูงริมแม่น้ำ บ้านเมืองในโลกใบนี้ สวยกว่าในโลกที่เขาจากมา ตึกสูงแทบจะมองเห็นยอดไม่ชัด แต่แล้วจะมีประโยชน์อะไร ถ้าเขายังหาทางเอาตัวรอดบนโลกใบนี้ไม่ได้
ขณะที่หลิงซูกำลังจมอยู่ในภวังค์ จู่ ๆ ก็ถูกคนเอามือมาปิดปากแล้วถูกลากขึ้นรถ เขาไม่มีแม้แต่โอกาสจะดิ้นรนด้วยซ้ำ